วิธีที่ 2 กรณีที่มีรถไถเล็ก แบบเดินตามอย่างเดียว จะพูดถึงการไถก่อน
(ชาวนา ข้างเคียงผม บางท่า่น บอกว่า นาเขา ใช้รถไถใหญ่ปั่น ผลผลิตข้าวไม่ดีนัก
เขาใช้รถไถเล็ก ไถเอง ผลผลิตได้มากกว่า เขาบอกว่ารถปั่นนั้น ตั้งตัวปั่นไว้ตื้น คือไม่ลึก)
กรณีนี้ก็ใช้ วิจารณญาณ วิเคราะห็กันเองนะครับ ว่าเป็นไปได้ไหม

ต่อเรื่องไถนา ด้วยผานพวง ใช้ที่มี 2 จาน หรือแบบ 3 จานก็ได้ ดินที่จะไถควรที่จะเป็นดิน
ที่ชื้นไม่มีน้ำขัง หรือมีน้ำแบบท่วมดินไปเลย หลายท่านอาจจะงง
ว่า ทำไม เพราะว่าถ้ามีน้ำเล็กน้อย เฉาะแฉะนั้น เวลาไถ ดินมักจะติด ผานที่ไถ ทำให้
คนขับจะหนักและเหนื่อยมากกว่าปกติ เพราะต้องยกหางไถ ตลอด เดี๋ยวก็ต้องหยุด ยกหางไถ
หรือถอยหลังรถ ถ้ามีน้ำมากไปเลย อันนี้จะง่าย เพราะดินไหลออก
จากผาน นิ่มเละไปเลย
กรณีที่ดินแห้งไม่มีน้ำ เมื่อไถนาเสร็จ ถึงจะปล่อยน้ำเข้านา ทีนี้ ใครที่มีน้ำหมัก
จะย่อยสลายฟางอะไร ปล่อยไปกับน้ำไหลก็ได้ แล้วทิ้งไว้ช่วงเวลาหนึ่ง
ต่อจากนั้นเป็นช่วงย่ำเทือก ใช้ขลุบหมุน ที่เป็นเหล็กแบนๆ หลายๆอัน เชื่อมกับท่อเหล็กกลม
หมุนได้ น้ำหนักของเขาก็พอสมควร วิ่งวนไป หลายๆรวง จนเรียบ ไม่มีหญ้าโผล่ให้เห็น น้ำในแปลง
ไม่ควรมีมากเกินไป เอาแค่พอมองเห็นดินบ้าง จะได้รู้สูงต่ำ
เมื่อพื้นนาเรียบแล้ว กรณีที่มีหอยเชอรี่มาก ต้องใส่กากชา โดยหว่านหรือใส่เครื่องพ่น ให้ทั่ว
เพราะถ้าใส่ก่อนทำเทือกนั้น น้ำในนา อาจจะกระเด็นเข้าตาเราได้ (ไม่ปลอดภัย) ถ้าเราขับรถไถเอง
ซึ่งปกติ น้ำและโคลนในนา มันจะกระเด็นไปทั่ว
กรณีที่ทำนาโยน ก็หว่านปุ๋ยก่อน แล้วโยนกล้าตามได้
ถ้าเป็นนาหว่านน้ำตม ต้องรอให้ดินที่เราทำเทือกนั้น จับตัว หรือแข็งขึ้น ในวันถัดไปถึงจะทำได้ เพื่อที่จะได้
ใช้รถไถเล็ก ใส่ผานชักร่อง ทำร่องน้ำโดยรอบและห่างเป็นช่วงๆไป ส่วนทิศทางของร่องนั้น
ไปทางใหนก็ดูจากการระบายน้ำออกจากแปลงนานั้น ไปทางใหน ก็ทำร่องไปทิศทางนั้น