This is default featured slide 1 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 2 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 3 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 4 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

This is default featured slide 5 title

Go to Blogger edit html and find these sentences.Now replace these sentences with your own descriptions.

(การทำนา)วิธีที่จะทำให้ดินโคลนเหลว(วิธีที่2)






วิธีที่ 2 กรณีที่มีรถไถเล็ก แบบเดินตามอย่างเดียว จะพูดถึงการไถก่อน
 (ชาวนา ข้างเคียงผม บางท่า่น บอกว่า นาเขา ใช้รถไถใหญ่ปั่น ผลผลิตข้าวไม่ดีนัก
เขาใช้รถไถเล็ก ไถเอง ผลผลิตได้มากกว่า เขาบอกว่ารถปั่นนั้น ตั้งตัวปั่นไว้ตื้น คือไม่ลึก)
กรณีนี้ก็ใช้ วิจารณญาณ วิเคราะห็กันเองนะครับ ว่าเป็นไปได้ไหม







 ต่อเรื่องไถนา ด้วยผานพวง ใช้ที่มี 2 จาน หรือแบบ 3 จานก็ได้ ดินที่จะไถควรที่จะเป็นดิน
ที่ชื้นไม่มีน้ำขัง หรือมีน้ำแบบท่วมดินไปเลย หลายท่านอาจจะงง
ว่า ทำไม เพราะว่าถ้ามีน้ำเล็กน้อย เฉาะแฉะนั้น เวลาไถ ดินมักจะติด ผานที่ไถ ทำให้
คนขับจะหนักและเหนื่อยมากกว่าปกติ เพราะต้องยกหางไถ ตลอด เดี๋ยวก็ต้องหยุด ยกหางไถ
หรือถอยหลังรถ ถ้ามีน้ำมากไปเลย อันนี้จะง่าย เพราะดินไหลออก
จากผาน นิ่มเละไปเลย




กรณีที่ดินแห้งไม่มีน้ำ เมื่อไถนาเสร็จ ถึงจะปล่อยน้ำเข้านา ทีนี้ ใครที่มีน้ำหมัก
จะย่อยสลายฟางอะไร ปล่อยไปกับน้ำไหลก็ได้ แล้วทิ้งไว้ช่วงเวลาหนึ่ง

ต่อจากนั้นเป็นช่วงย่ำเทือก ใช้ขลุบหมุน ที่เป็นเหล็กแบนๆ หลายๆอัน เชื่อมกับท่อเหล็กกลม
หมุนได้ น้ำหนักของเขาก็พอสมควร  วิ่งวนไป หลายๆรวง จนเรียบ ไม่มีหญ้าโผล่ให้เห็น  น้ำในแปลง
ไม่ควรมีมากเกินไป เอาแค่พอมองเห็นดินบ้าง จะได้รู้สูงต่ำ

เมื่อพื้นนาเรียบแล้ว กรณีที่มีหอยเชอรี่มาก ต้องใส่กากชา โดยหว่านหรือใส่เครื่องพ่น ให้ทั่ว
เพราะถ้าใส่ก่อนทำเทือกนั้น น้ำในนา อาจจะกระเด็นเข้าตาเราได้ (ไม่ปลอดภัย) ถ้าเราขับรถไถเอง
ซึ่งปกติ น้ำและโคลนในนา มันจะกระเด็นไปทั่ว



กรณีที่ทำนาโยน ก็หว่านปุ๋ยก่อน แล้วโยนกล้าตามได้
ถ้าเป็นนาหว่านน้ำตม ต้องรอให้ดินที่เราทำเทือกนั้น จับตัว หรือแข็งขึ้น ในวันถัดไปถึงจะทำได้ เพื่อที่จะได้
ใช้รถไถเล็ก ใส่ผานชักร่อง ทำร่องน้ำโดยรอบและห่างเป็นช่วงๆไป ส่วนทิศทางของร่องนั้น
ไปทางใหนก็ดูจากการระบายน้ำออกจากแปลงนานั้น ไปทางใหน ก็ทำร่องไปทิศทางนั้น

เครดิต http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=25367.0

(การทำนา)วิธีทำให้ดินโคลนเหลว(วิธีที่1)

วิธีที่จะทำให้ดินโคลนแตกหรือเหลว

วิธีที่ 1 ใช้รถไถใหญ่ปั่นก่อน(จอบหมุน) จากก้อนดินใหญ่ๆก็จะเล็กลง

แล้วใช้รถไถเล็กแบบเดินตาม (แต่คนขับไม่ได้เดิน เนื่องจากนั่งบนฮ่องเต้)
ลากขลุบ แบบที่เห็นเป็นเหล็กแหลมเหมือนหนาม กลิ้งตามรถไถ
อีกประมาณ 3 ถึง 4 รวง (คำว่า 1 รวง หมายความว่า
วิ่งทับดินทั้งหมด 1 จบ ด้านยาวหรือขวาง รวงที่ 2 ก็วิ่งตัดกันกับ รวงที่ 1
อีก 1 จบ รวงที่ 3 ก็วิ่งตัดกับรวงที่ 2 ฯ)

ในขณะที่เรา วิ่งเพื่อให้ดินแตกย่อยเรื่อยๆนั้น จะมีดินบางที่ สูงบ้าง ต่ำบ้าง
ทีนี้เราจะต้อง กดล็อค โดยใช้เท้า เพื่อให้ขลุบนั้นหยุดหมุนแล้วขูดดินที่สูง
ไปยังที่ต่ำกว่า แล้วก็หยุดรถ เพื่อปลดล็อค  ตรงใหนมีหญ้าโผล่มาเยอะ เราก็วิ่งไปทับบ่อยๆได้
จนจมดินหมด แทบจะทุกแปลงนา จะเป็นแบบนี้ ควรปรับดินให้เรียบ เท่าที่จะทำได้

ต่อจากการใช้ขลุบเหล็กแหลมวิ่งทับดิน ถ้าเรียบก็ใช้ได้เลย แต่ถ้าเรียบไม่พอก็เปลี่ยนเป็นไม้ปาดดิน
เพื่อให้ดินที่ทำเทือกนั้น เรียบมากขึ้นไปอีก
เนื่องจากว่าเราจะ กด เพื่อขูดดิน ให้มาก หรือน้อยได้ กรณีที่ทำนาหว่าน หรือนาโยน ควรจะเรียบเท่าที่จะทำได้ 

ส่วนเรื่องน้ำเข้านาสูงแค่ใหนดี ก็แค่ไม่ท่วมใบก็ใช้ได้แล้ว เอาไว้ให้ต้นข้าวหายใจบ้าง
ตอนที่ข้าวเล็กๆ ปล่อยน้ำเข้าให้ท่วมดิน เพื่อคุมหญ้าไว้ เมื่อข้าวโตบ้างแล้ว ประมาณ 1 คืบหรือ 20 cm
ก็ปล่อยน้ำให้แห้งบ้าง เพื่อให้ข้าวแตกกอ  จากนั้นก็เพิ่มน้ำได้ เอาแค่ท่วมดินเล็กน้อยก็พอแล้ว

 

เครดิต http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=25367.0

รู้จักเกษตรตามแนว "ทฤษฎีใหม่"

"ทฤษฎีใหม่" เป็นแนวทางหรือหลักในการบริหารจัดการที่ดินและน้ำ เพื่อการเกษตรในที่ดินขนาดเล็กให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยหลักเศรษฐกิจพอเพียง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระราชดำรินี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือ เกษตรกรที่ประสบความยากลำบาก ให้สามารถผ่านช่วงวิกฤต โดยเฉพาะการขาดแคลนน้ำได้โดยไม่เดือดร้อนและยากลำบากนัก

 

การดำเนินงานตามทฤษฎีใหม่มี 3 ขั้นตอน คือ

1 ) การผลิต ให้พึ่งตนเองด้วยวิธีง่าย ค่อยเป็นค่อยไปตามกำลัง ให้พอมีพอกิน

2 ) การรวมพลังกันในรูปแบบ หรือ สหกรณ์ ร่วมแรงร่วมใจกัน ในด้านการผลิต การตลาด ความเป็นอยู่ สวัสดิการ การศึกษา สังคมและศาสนา

3 ) การดำเนินธุรกิจโดยติดต่อ ประสานงาน จัดหาทุนหรือแหล่งเงิ

 

ในขั้นแรกที่เป็นการผลิต ถือเป็นขั้นสำคัญที่สุด ให้แบ่งออกเป็น 4 ส่วน ตามอัตราส่วน 30 : 30 : 30 : 10 หมายถึง

 

ขุดสระเก็บกักน้ำ พื้นที่ประมาณ 30% ให้ขุดสระเก็บกักน้ำ เพื่อให้มีน้ำใช้สม่ำเสมอตลอดปี โดยเก็บกักน้ำฝนในฤดูฝน และใช้เสริมการปลูกพืชในฤดูแล้ง หรือระยะฝนทิ้งช่วง ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์ และพืชน้ำต่างๆ เช่น ผักบุ้ง ผักกระเฉด โสน ฯลฯ

ปลูกข้าว
พื้นที่ประมาณ 30 % ให้ปลูกข้าวในฤดูฝน เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวันสำหรับครัวเรือนให้เพียงพอตลอดปี โดยไม่ต้องซื้อหาในราคาแพง เป็นการลดค่าใช้จ่าย และสามารพึ่งตนเองได้

 

ปลูกผลไม้ ไม้ยืนต้น พืชไร่ พืชผัก
พื้นที่ประมาณ 30 % ให้ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชไร่ พืชผัก พืชสมุนไพร ฯลฯ อย่างผสมผสานกัน และหลากหลายในพื้นที่เดียวกัน เพื่อใช้เป็นอาหารประจำวัน หากเหลิอจากการบริโภคก็นำไปขายได้

 

เป็นที่อยู่อาศัย และอื่นๆ
พื้นที่ประมาณ 10 % ใช้เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ถนนหนทาง คันดิน โรงเรือนและสิ่งก่อสร้างอื่น๐ รวมทั้งคอกเลี้ยงสัตว์ เรือนเพาะชำ ฉางเก็บผลิตผลการเกษตร ฯลฯ